How to Detox

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

ไฟโตไฟเบอร์


ตั้งแต่เกิดมาคุณเคยทำความสะอาดลำไส้หรือไม่ คุณทราบหรือไม่!!!ไม่ว่าคุณจะรับประทานอาหารอะไรเข้าไปแล้ว ล้วนจะตกค้างอยู่ในลำไส้ทั้งนั้นและไม่สามารถย่อยสลายได้ เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ คุณเคยสังเกตุไหม!!!ว่าตอนนี้คนเราเป็นโรคต่างๆ ง่ายขึ้น สาเหตุหลักก็คือ อาหารที่คุณทานเข้าไปล้วนมีสารพิษ ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะทำความสะอาดลำไส้ (detox)

Detox ด้วยไฟเบอร์ | ล้างลำไส้ ด้วยใยอาหาร
ไฟโต ไฟเบอร์ ผลิตภัณฑ์ ดีท๊อกซ์ (ล้างลำไส้)ด้วยไยอาหาร ไม่ต้องสวนทวาร ผลิตจากธรรมชาติ100% มีคุณสมบัติช่วยให้ ผนังลำไส้ขับเมือกไขมันและ สารพิษที่เกาะติด บน ผนังลำไส้ ต้นเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ , ภูมิแพ้, ไมเกรน, ท้องผูก, ริดสีดวง, โรคอ้วน ,สิว ฝ้า,อาหารไม่ย่อย ฯลฯ มีประสิทธีภาพสูงกว่าการ ดีท็อกซ์ สวนทวารทั่วไปเพราะสามารถล้างสารพิษได้ทั้งระบบทางเดินอาหาร นอกจากนั้นยังสามารถทดแทนการขาดใยอาหาร ในเด็ก และ ผู้ชราได้ปลอดภัย ทานง่าย เพียงเช็คกับน้ำเย็น 250 ml. ดื่มวันละครั้งใช้ได้ 3 วัน เห็นผลชัดเจนภายใน 6 -12 ชั่วโมง
ฟื้นฟ ด้วยธัญญาหาร
ไฟโต กรีน ผลิตภัณฑ์เพื่อฟื้นฟู และปรับสภาพให้ระบบกลไกต่างๆ ของร่างกาย ทำงานได้อย่างประสิทธิภาพมากชึ้น ควรใช้ร่วมกับ ไฟโต ไฟเบอร์มีผลิตภัณฑ์ ผลิตจากธรรมชาติ 100% อุดมไปด้วยสารอาหารครบทุกหมู่ ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต, โปรตีนกรดไขมันจำเป็น, เกลือแร่, วิตามิน และ. ใยอาหารสามารถใช้กับเด็กที่ทานอาหารน้อย, ผู้ป่วย, ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก ฯลฯรสชาติอร่อย ทานง่ายเพียงเช็คกับน้ำ 150 ml. ดี่มวันละ 1-2 ครั้ง
มีสารอาหารครบ 6 หมู่ ได้แก่
1.คาร์โบไฮเดรต ได้จากข้าว 3 สายพันธุ์ คือข้าวบาร์เลย์ , ข้าวสาลี และข้าวกล้อง
2.โปรตีน ได้จากถั่วเหลือง และสาหร่ายสไปรูลิน่า
3. ไขมัน มีกรดไขมันจำเป็น (EFA) ได้จากข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี และข้าวกล้อง
4..เกลือแร่ ได้จากข้าว และอัลฟัลฟ่า
5.วิตามิน ได้จากข้าวต่างๆ
6.ใยอาหาร ได้จากแอปเปิ้ล และธัญพืชต่างๆ
สารประกอบที่สำคัญ 12 ชนิด
  1. สาหร่ายคลอเรลลา (Chlorella) เป็นพืชน้ำที่มีคลอโรฟิลสูงสุด ช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น

  2. สาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina) มีโปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ช่วยทำให้ระบบคุ้มกันดีขึ้น และรักษาความสมดุลของน้ำตาลในเลือด

  3. สาหร่ายทะเลดูนาเลลล่า (Dunaliella Saline Algac)อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ , ป้องกันมะเร็ง , ภูมิแพ้ , ช่วยทำให้สายตา , ผิวพรรณดีขึ้น และช่วยลดไขมันเลวในเส้นเลือด

  4. สาหร่ายเคลป์ (Kelp) อุดมไปด้วยกรดไอโอดีน ช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น และช่วยควบคุมน้ำหนักทำให้ไม่อ้วน

  5. ข้าวบาร์เลย์ (Barley Grass) อุดมด้วยวิตามิน ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันช่วยระบบการเผาผลาญของร่างกายให้ดีขึ้น และช่วยให้เชลล์ทำงานปกติ

  6. ข้าวสาลี (Wheatgrass = King of Herb) อุดมไปด้วยเอนไซม์ต่างๆช่วยขับ ล้างสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยรักษาบาดแผลและอาการเจ็บปวดให้หายเร็วขึ้น

  7. ข้าวกล้อง (Brown Rice Bran) อุดมด้วยวิตามินบี 1 , บี 12 และกรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3, 6, 9

  8. อัลฟัลฟ่า (Alfalfa ) อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ 98มีคุณประโยชน์ ล้างสารพิษ ในระบบเลือด และระบบทางเดินอาหาร,ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และทำให้แผลหายเร็วขึ้น, ช่วยในการดับกลิ่นปากกลิ่นตัว และกลิ่นเท้า, ช่วยสร้างเลือดใหม่ แก้ปัญหาโลหิตจาง,ต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันมะเร็ง, ชะลอความแก่

  9. ใยอาหารจากแอปเปิ้ล อุดมไปด้วยใยอาหาร Fiber ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร การเผาผลาญอาหารให้สมบูรณ์ และช่วยทำความสะอาดลำไส้

  10. ชาเขียว ( Green Tea ) อุดมไปด้วยสารคาเทริน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเลิศ (Super- Antioxident ) ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายและเสริมสร้าง ระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง มีสาร EGCGช่วยยับยั้งการเปลี่ยนแป้งให้เป็นไขมัน ลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน

  11. เลซิตินจากถั่วเหลือง ( Soy Lecithin ) อุดมด้วยสารโคลีน(Choline ) ช่วยการเผาผลาญไขมัน , บำรุงสมอง และช่วยระบบการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น

  12. 12.รากชิโครี (Chicory Root ) อุดมด้วยสารอินูลิน ( Inulin ) เป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ช่วยให้ระบบการย่อยอาหาร และการทำงานของลำไส้ปกติ


วิธีใช้ไฟโต้กรีน
เชคกับน้ำเย็นประมาณ 200 ซีซี ประมาณ 7-10 ครั้ง ดื่มทันที แล้วตามด้วยน้ำเปล่าอีก 300 ซีซี ควรดื่มขณะท้องว่าง ก่อนอาหารเช้า 30 นาที 1 ซอง และท้องว่าง ช่วงบ่ายเวลาประมาณ 15.00 น. อีก 1 ซอง
บรรจุ 15 ซอง ราคากล่องละ 1,350 บาท สมาชิก เหลือ 1,050 บาท
ขนาดทดลองบรรจุ 3 ซอง ราคา 270 บาท สมาชิกเหลือ 250 บาท
สนใจติดต่อ อรลดา โทร. 0867811418, 0896750128
Email nongchanok.in@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดีท็อกซ์คืออะไร?

Detox(การล้างพิษ) คือ กระบวนการกำจัดของเสียและสารพิษแปลกปลอมที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกายให้หมดไป

ระบบขับถ่าย (ล้างพิษ) จะเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มตื่นขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งร่างกายของ เราจะพร้อมขับถ่ายภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ตื่นนอน และหากผ่านหนึ่งชั่วโมงไปแล้วร่างกายของเรายังไม่ได้ขับถ่ายของเสียออกไป ระบบขับถ่ายก็จะหยุดทำงานลงชั่วคราว

แต่ทั้งนี้การที่ร่างกายมีความคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาดในระบบการล้างพิษไปบ้างสักวันสองวันนั้น (ไม่อาจขับถ่ายได้ตามปกติหลังจากที่ตื่นนอนตอนเช้า ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม) จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อระบบภายในร่างกายเท่าใดนัก และไม่ถึงกับทำให้ร่างกายล้มป่วยได้ทันที แต่เราก็ไม่ควรชะล่าใจ ซึ่งเมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไปแล้ว เราควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้กลับเข้าสู่การล้างพิษตามระบบตามธรรมชาติ โดยทันที เพื่อที่ระบบการล้างพิษภายในร่างกายจะยังไม่ถึงกับเสียสมดุลไป เพราะหากปล่อยพฤติกรรมเช่นนี้ทิ้งไว้นานๆ ร่างกายจะเริ่มเสียสมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ และนำไปสู่อาการเจ็บป่วยได้ในที่สุด

นอกจากนี้วิถีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมการกินการอยู่ของคนเราในแต่ละวัน ยังอาจส่งผลกระทบให้ระบบการล้างพิษภายในร่างกายทำงานผิดปกติไป จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณของเสียและสารพิษภายในร่างกายมีมากเกินกว่า ที่ระบบการล้างพิษตามธรรมชาติจะสามารถจัดการกับตัวของมันเองได้ (ร่างกายไม่สามารถล้างพิษได้เองตามธรรมชาติ) ซึ่งหากว่าร่างกายของเรามีของเสียและสารพิษเหล่านั้นสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ย่อมเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นานา ตั้งแต่โรคเรื้อรังทั้งหลายไปจนถึงโรคมะเร็ง

อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำลาย ขี้ตา ขี้ฟัน อาเจียน เรอ ผายลม หาว ฯลฯ ล้วนเป็นผลของกระบวนการล้างพิษของร่างกายตามธรรมชาติทั้งสิ้น ดังนั้นหากเราเข้าใจถึงระบบการล้างพิษ (ขับพิษ) ภายในร่างกายของเราอย่างถ่องแท้แล้ว เราย่อมสามารถเอาชนะพิษร้ายทั้งหลายที่อยู่ภายในตัวของเราได้โดยไม่ยาก

โดยปกติแล้วถ้าภายในร่างกายของเรามีของเสียและสารพิษสะสมในปริมาณที่เป็น อันตรายถึงขั้นที่จะสามารถก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นได้ ร่างกายย่อมจะส่งสัญญาณเตือนออกมาให้เราได้รับทราบว่ามันกำลังต้องการความ ช่วยเหลือและความเอาใจใส่จากเรา เสมือนเป็นสัญญาณเพื่อบ่งบอกให้เราทราบล่วงหน้าว่าถึงเวลาที่เราจะต้องดูแล เอาใจใส่ตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการล้างพิษเพื่อขับของเสียและสารพิษให้ออกไปจากร่างกาย ซึ่งมีข้อสังเกตดังต่อไปนี้

  • ร่างกายอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง เซื่องซึม หดหู่ใจ ไม่กระปรี้กระเปร่า
  • มีอาการของโรคภูมิแพ้ มักแพ้อะไรง่าย เช่น แพ้กลิ่นต่างๆ แพ้อากาศบ่อยๆ ฯลฯ
  • มีภูมิต้านทานโรคต่ำ ทำให้ไม่สบายหรือเป็นหวัดได้ง่าย
  • ปวดศีรษะ มึนงงบ่อยๆ หรืออาจปวดถึงขั้นเป็นไมเกรน
  • มีสิวและผดผื่นขึ้น
  • นอนหลับยาก หรือรู้สึกว่านอนไม่พอ
  • มีกลิ่นปาก หรือมีแผลในช่องปาก
  • จุกเสียด แน่นท้อง ปวดท้องเป็นประจำ เนื่องจากระบบการย่อยอาหารมีปัญหา มักเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้
  • ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
  • ระบบขับถ่ายมีปัญหา ท้องผูกเป็นประจำ หรือท้องเสียง่าย เป็นริดสีดวงทวาร
  • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  • อารมณ์แปรปรวนง่าย ประสาทตึงเครียด
  • ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยง่าย ผิวแห้งและหยาบกร้าน ดูแก่กว่าวัย
  • มักปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อหรือข้อต่อต่างๆ
  • ขี้ลืม สมองไม่ปลอดโปร่ง คิดอะไรไม่ค่อยออก
  • ฯลฯ


[แก้] วิธีการล้างพิษ

เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายไม่สามารถจัดการล้างพิษให้กับตัวเองตามระบบ ธรรมชาติได้ ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้าไปช่วยสร้างกระบวนการล้างพิษให้กับร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันได้มีวิธีการล้างพิษในหลายๆ รูปแบบด้วยกัน ดังต่อไปนี้ 1. การทำดีท็อกซ์ (หรือการสวนทวาร) ซึ่งถือเป็นวิธีการล้างพิษที่ตกค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ควรจะต้องมีการศึกษาข้อมูลและขั้นตอนการปฏิบัติให้ละเอียดก่อน ที่จะลงมือปฏิบัติจริง

2. การล้างพิษด้วยน้ำ โดยการดื่มน้ำเปล่าในตอนเช้าหลังจากที่ตื่นนอน หรือการดื่มน้ำสมุนไพรอุ่นๆ* ทั้งวันแทนการดื่มเครื่องดื่มที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น น้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ฯลฯ ซึ่งจะสามารถล้างพิษที่ตกค้างอยู่ในระบบของเหลวภายในร่างกาย (ระบบเลือด น้ำเหลือง ฯลฯ) ด้วยการขับสารพิษออกมาทางเหงื่อ และปัสสาวะ

3. การล้างพิษด้วยกระบวนการหายใจที่ถูกต้อง เช่น วิธีการหายใจแบบโยคี คือหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องแฟบ ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายได้รับก๊าซอ็อกซิเจนในปริมาณมากขึ้นแล้ว ยังสามารถไล่อากาศเสียภายในร่างกายออกไปได้มากกว่าเดิมอีกด้วย นอกเหนือไปจากนี้ก็ยังมีการล้างพิษในรูปแบบอื่นๆ อีก อาทิเช่น การล้างพิษด้วยการอดอาหาร การใช้พิษล้างพิษ การล้างพิษด้วยการกระตุ้นจักระภายในร่างกาย ฯลฯ

…หลังจากที่ของเสียและสารพิษภายในร่างกายถูกขับออกไปแล้ว ร่างกายก็จะกลับคืนสู่สภาวะสมดุลอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลก็ย่อมห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง[1]

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ บูรพา ผดุงไทย, กินอย่างฤๅษีล้างพิษ พิชิตโรค, หจก. ส เจริญการพิมพ์, พ.ศ. ๒๕๕๐, พิมพ์ครั้งที่ 1

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

welcome

ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของฉัน